การเดินทางบนถนน 94 จากเมืองชิคาโก้ มุ่งหน้าเมืองมิลว๊อคกี้

การเดินทางบนถนน 94 จากเมืองชิคาโก้ มุ่งหน้าเมืองมิลว๊อคกี้
มิลว๊อคกี้ รัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ภาคอีสานของสหรัฐอเมริกา เป็นเมืองขนาดเล็กแต่ก็มีสนามบินประจำเมือง ใช้สำหรับการบินในประเทศเท่านั้น ถ้าหากเดินทางมาจากต่างประเทศด้วยเครื่องบินลำใหญ่พิสัยการบินไกล สนามบินทีใกล้ที่สุเคือสนามบินชิคาโก้ ซึ่งอยู่รัฐอิลลินอย โดยลงที่สนามบินนานาชาติชื่อชิคาโก-โอแฮร์
หลังจากรับรถเช่าที่สนามบินเรียบร้อยแล้วจึงได้เวลาออกเดินทางต่อไปทางเหนือประมาณ 70 ไมล์ (ประมาณ 115 กิโลเมตร) ไปตามถนนหมายเลข 94 โดยประมาณจะใช้เวลา 1 ชม. 30 นาที
สหรัฐอเมริกามีการจราจรแบบพวงมาลัยขับทางฝั่งซ้าย และใช้ถนนฝากฝั่งทางขวา ดังนั้นรถซ่ายชิดขวา และรถที่ขับด้วยความเร็วอยู่ฝั่งซ้าย ผมขับนั่งรถในฐานะผู้โดยสาร เพราะมีเพื่อนที่มีประสบการณ์ขับรถยนต์ในอเมริกาเป็นผู้ขับให้เพื่อน ๆ ได้โดยสาร
ถนนหนทางระหว่างชิคาโก้ ไปยังมิลว๊อคกี้ เป็นถนนที่กว้างพอ ๆ กับถนนนมอเตอร์เวย์ในประเทศไทยของเรานะครับ แต่ถนนไม่วุ่นวายและพลุกพล่านเหมือนบ้านเรานะครับ คนที่นี่ขับรถด้วยความเร็วที่คงที่ประมาณ 60 – 80 กม./ชม. มีการขับตามกฏหมายและสัญลักษณ์จราจรที่เคร่งครัดมาก แทบไม่เห็นการขับรถจี้ท้าย เปิดไฟไล่ เปลี่ยช่องจราจรตัดหน้าเหมือนในประเทศเรา
เมื่อเดือนเมษายน 2561 ผมได้มาที่เมืองมิลว๊อคกี้แล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งเวลานั้นเป็นหน้าหนาว ซึ่งอากาศหนาวจนกระทั่งมีหิมะตก บรรยากาศดูแห้งแล้ง ต้นไม้เหลือแต่ต้นกับกิ่งสีดำ ประดุจหนึ่งว่าต้นไม้ตายยืนต้น แต่มาครานนี้เป็นหน้าร้อน ท้องสีความและต้นไม้เขียวขจีตลอดเส้นทาง รวมถึงมีทุ่งข้าวโพดและไร่ข้าวโอ๊ตที่เขียวขจี ข้าวโพดออกใกล้ถึงฤดูการเก็บเกี่ยวที่มีสีทองอร่ามเต็มท้องทุ่ง
ระหว่างการเดินทาง เพื่อนผู้ทำการขับรถได้ขอเปลี่ยนเส้นทางเพื่อไปยังช๊อปปิ้งมอลล์ เพื่อซื้อของฝากล่วงหน้า จึงมีโอกาศนั่งรถชมหมู่บ้าน ของชาวอเมริกันกัน
สิ่งที่ผมเห็นและอลังการมากคือ ชาวไร่มีพื้นที่บ้านกว้างขวางมาก แต่บ้านกลับสร้างเป็นหลังเล็ก ๆ หลังใหญ่ดังคฤหาสเหมือนในประเทศไทยนั้นแทบไม่เห็นมีเลย ส่วนพื้นที่บ้าน เปิดโล่ง ไม่มีการตั้งรั้วหรือกำแพงกั้นขวางกันระหว่างเพื่อนบ้าน ดูมีความเป็นธรรมชาติและดคารพสิทธิ์กันและกันเป็นอย่างดี ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย ล้อมรอบด้วยต้นไม้และทุ่งหญ้า ถาเป็นบ้านผมคงจัดแคมปิ๊งทุกวัน สวยงามและน่าอยู่มากครับ
ขับรถตามหาห้างอยู่สักครู่ก็ได้เจอกับ พรีเซนท์ แพรี่ เอ๊าท์เล็ต (Pressent parry outlet mall) เป็นห้างที่รวบรวมสินค้าเอ๊าท์เล็ตไว้มากมายหลายยี่ห้อ รแให้นักท่องเที่ยวไปทำการจับจ่าย ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า แบรนด์เนมทั้งนั้นครับ สิ่งหนึ่งที่ดีมากคือลานจอดรถที่ดูกว้างขวาง  ถึงง่าย ช๊อปเร็ว สะดวกสบายจริง ๆ ครับ
เดินดูสินค้าจนดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยที่จะตก จึงได้เวลาออกเดินทางต่อไปบนถนน 94 เพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองมิลว๊อคกี้ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง
ประมาณ 40 นาทีจากเอ๊าท์เล็ตมอลล์ ก็เริ่มเข้าสู่เขตเมืองโดยขึ้นวิ่งบนทางด่วน เป็นทางด่วนแบบด่วนจริง ๆ ครับ มีความโล่งยังกะเมืองล้างเลย รถลามีจำนวนน้อยแทบจะนับคันได้
เพื่อนก็ขับรถต่อไป ดวงอาทิตย์เคลื่อนคล้อยลอยต่ำลงเรื่อย ๆ เดินทางมากันไกลก็เริ่มหิว จึงทำการสอบถามว่าจะทานอะไรกันดีสำหรับมื้อเย็น โดยหลังจากคุยกันแล้วทุกคนลงความเห็นว่า ทานอาหารไทยซึ่งมีร้านขึ้นชื่ออยู่ในเมือง ชื่อว่า คิง แอน อาย (King & I) ซึ่งชื่อร้านเป็นชื่อของหนังเรื่องหนึ่งเมื่อประมาณ20 ปีก่อน แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ฉายในไทย
ร้านคิงแอนอาย ทุกคนในเมืองมิลว๊อคกี้รู้จักกันดีเำราะตั้งมายาวนาน มีการจัดร้านแบบไทย ๆ เสิร์ฟอาหารไทยเป็นหลัก มีข้าวและดครื่แงดื่มที่มาจากไทย (เดี๋วค่อยรีวิวดีกว่าเน้อ … ดูอาหารกันเลยดีกว่า)
ทางร้านเสิร์ฟอาหารแบบอเมริกัน คือ อาหารจานใหญ่กับข้าวหนึ่งจาน วันนี้จึงสั่ง ล๊อบเตอร์ผัดพริก (กุ้งตัวใหญ่) ผัดวุ้นเส้นทะเล ข้าวผัดหมู ต้ำยำกุ้ง มาแบ่งกันทานเอาแรง เดี๋ยวจะนอนไม่หลับเอา

ใช้เวลาทานมื้อเย็นประมาณหนึ่งชั่วโมงจึงได้เวลาเช็คบิล หลังจากเสร็จสรรพก็ได้เวลาออกไปเช็คอินโรงแรม จะเป็นที่ใหน เดี๋ยวมาบอกเล่าให้ฟังนะครับ เดี๋ยวบทความนี้จะยาวเกินไปครับ

ขอบคุณสำหรับการติดตามนะครับ มาพบกันใหม่บทความหน้านะครับ กับ “ไปลองดู ไปให้รู้ ไปให้เห็น”

>>>www.pailongdoo.com<<<

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *