หลังจากที่เครื่องเริ่มลดระดับการบิน ได้เวลาที่ต้องทำการลงจอดที่สนามบินดูไบ ความรู้สึกตอนนั้นคือตื่นเต้นและตื่นหูตื่นตามาก สนามบินดูไบหากมองไกลจะมีลักษณะใกล้เคียงกับสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดูไบจะมีการขึ้น-ลงของเครื่องบินที่ดูคับคั่งและหนาตามาก เครื่องบินส่วนใหญ่เป็นของสายการบินเอมิเรทส์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องบิน เอบัส A380 จอดเรียงรายอยู่ตามจุดจอด
รถรับส่งใช้เวลาประมาณ 15 นาทีจึงถึงจุดเข้าห้องพักผู้โดยสาร นับว่าเป็นการนั่งรถรับส่งในสนามบินที่สบายที่สุดในชีวิตครับ เพราะนั่งโซฟาอย่างดี เพราะโดยสารเครื่องมาแบบชั้นหนึ่ง
ปกติแล้วในการต่อเครื่องจะต้องรอเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ชม. แต่เนื่องจากเสร็จธุระเร็วและยังพอมีเวลาเหลืออยู่จึงเดินตามหาจุดนั่งพักของผู้โดยสารกันดีกว่า ซึ่งที่สนามบินดูไบแห่งนี้จะมีเลาจ์สำหรับผู้โดยสารของสายการบินเอมิเรทที่ใหญ่และกว้าฝขวางมาก เพียงแค่แสดงตั๋วชั้นธุรกิจ ผ่านเข้าไปยังเลาจ์หรือห้องพักผู้โดยสาร อาหาร เครื่องดื่ม รวมถึงที่อาบน้ำสบาย ๆ รออยู่เพี้ยบ
เนื่องจากช่วงที่มาถึงเป็นเวลาเช้ามาก การจะทานอะไรนั้นค่อนข้างจะไม่รู้สึกหิว จึงเพียงแค่นั่งพักผ่อนเอาแรงแบบชิลล์ ๆ เพื่อรอการเดินทางต่อไป กระทั่งก่อนเวลาขึ้นเครื่อง 30 นาที จึงเดินทางต่อไปที่ประตูขึ้นเครื่อง โดยวันนี้เดินทางต่อด้วยเที่ยวบิน EK 235 ไปยังนครชิคาโก้ สนามบินชื่อ O’Hare นะจ่ะ จำกันไว้ให้ดี
ในการเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา จะต้องมีการตรวจสัมภาระซ้ำอีกครั้ง และเป็นการตรวจละเอียดมาก ต้องตอบคำถามเช่น
– กระเป๋าทั้งหมดเป็นของคุณไหม
-คุณแพ็คกระเป๋าเองหรือเปล่า
-ระหว่างการเดินทาง มีใครให้ของอะไรคุณไหม
จากนั้นต้องเปิดกระเป๋า แสดงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ ทุกอย่างที่มีเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ค้นหาสารก่อวัตถุระเบิด เป็นการตรวจที่เข้มงวดมาก ๆ ก่อนการขึ้นบิน แต่ก็ผ่านฉลุยเพราะเราเป็นพลเมืองดี เดินทางจนรู้ว่าต้องทำอะไรก่อนหลังตามลำดับ จากนั้นก็เข้าสู่การขึ้นเครื่อง นั่งพักสบาย ๆ บนที่นั่งชั้นธุรกิจพร้อมเครื่องดื่มต้อนรับเย็น ๆ รู้สึกสดชื่นอย่าบอกใคร และก็ได้ดวลาเดินทางต่อกันแล้ว…..
การเดินทางต่อไปจะเป็นยังไง เดี๋ยวมาเล่ากันต่อในบทความต่อไปนะครับ ขอขอบคุณยิ่งสำหรับการติดตาม ไปลองดู ไปให้รู้ ไปให้เห็น แล้วพบกันใหม่บทความหน้านะครับ….