การเดินทางกว่า 2000 กม.
เมื่อปีใหม่ พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสขับรถด้วยตนเองเพื่อท่องเที่ยวไปในจังหวัดต่างๆในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ โดยเริ่มตั้งแต่จังหวัดเลย พิษณุโลก แพร่ พะเยา เชียงรายและจังหวัดน่าน หลากหลายสถานที่ หลากหลายสีสันที่ได้พบเห็น ทำให้รู้ว่า เมืองไทยช่างมีดีเหลือหลาย จึงอยากจะบอกเล่าและขอแบ่งปันประสบการณ์อันมีค่าในครั้งนี้เอาไว้เผื่อท่านผู้อ่านจะสนใจวางแผนแบบนี้บ้าง
 |
| เส้นทางการเดินทาง |
การเดินทางเริ่มต้นที่อำเภอเชียงคาน จ.เลย เมืองแห่งอารยธรรมริมแม่น้ำโขง แหล่งท่องเที่ยวที่มีผู้คนจำนวนมากแวะเวียนไปตามหาวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ตามแนวชายฝั่งแม่น้ำโขง จากเชียงคานมุ่งหน้าสู่จังหวัดพิษณุโลก โดยจุดหมายปายทางในวันนั้นคือการพักค้างคืนที่ริมกว๊านพะเยา
 |
| กว๊านพะเยา |
จังหวัดพะเยา สวยงามกว๊านพะเยา อากาศเย็นสบาย ริมทะเลทราบน้ำจือขนาดใหญ่ที่เรียกว่า กว๊านพะเยา และที่ริมกว๊านพะเยาแห่งนี้เองจะมีอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง เป็นที่เคารพและสักการะของคนในจังหวัดพะเยาเป็นอย่างยิ่ง ผมจึงใช้โอกาสนี้ไปกราบสักการะท่านเพื่อความเป็นสิริมงคลในการเดินทางท่องเที่ยวในครั้งนี้
 |
| อาการเช้าที่พะเยา |
อาการยามเช้าที่พะเยาในช่วงปีใหม่ พ.ศ. 2560 นั่นอากาศเย็นสบายมากซึ่งเป็นปกติของหน้าหนาว แต่ทว่าปีนี้มีฝนตกลงมาด้วยแหละจึงทำให้ยิ่งเพิ่มความหนาวเย็นให้เพิ่มทวีมากขึ้น ดังนั้นการได้รับประทานโจ๊คอุ่นๆ ก็ช่วยให้อบอุ่นและมีพลังขับรถต่อไปได้เป็นอย่างดี
หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่พะเยาแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางไปยังจุดหมายซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวตามเส้นทางหลักไปยังตัวเมืองจังหวัดเชียงราย โดยก่อนเข้าสู่ตัวจังหวัดเชียงราย ก็ได้พบกับสถาปัตยกรรมที่สวยงามตระกาลตากับศิลปะแบบไทย ณ วัดร่องขุ่น
 |
| อุโบสถวัดร่องขุ่น |
วัดร่องขุ่น ถูกออกแบบและสร้างโดย อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ผู้เป้นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ท่านมีจุดประสงค์อยากจะฝากความงามและศิลปะเอาไว้คุ่กับโลก จึงได้ฝากผลงานชิ้นนี้เอาไว้ โดยวัดร่องขุ่นจะมีจุดสำคัญคือพระอุโบสถที่มีสะพานทอดระหว่างโลกกับสวรรค์ ที่หวังให้ทุกคนได้ก้าวผ่านนรกอเวจี ก้าวผ่านซึ่งกิเลสและตัณหา โดยนักท่องเที่ยวจะได้เห็นการจำลองเหตุการณ์ก้าวผ่านกิเลสและตัณหาที่สะพานหน้าพระอุโบสถ
 |
|
สถาปัตยกรรมวัดร่องขุ่น
|
หลังจากกราบพระเพื่อเป็นสิริมงคลแล้ว ได้ยินเสียงบอกเล่าว่า ที่เชียงรายมีดอยแห่งหนึ่งเป็นที่ซึ่งสวยงามและมีชื่อเสียงมากนั่นคือ ดอยแม่สลอง ตัวผมเองได้ยินชื่อนี้มานานมากแต่ไม่เคยรู้จักจริง ๆ จึงมุ่งหน้าสู่ดอยแม่สลองในทันที ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวและฝนตก หมอกลงจัดมากแต่ก็ขับรถด้วยความระมัดระวังมุ่งหน้าสู่ดอยแม่สลอง
 |
| ไร่ชา 101 บนยอดดอยแม่สลอง |
ฝนตกโปรยปราย หมอกหนาจนมองไม่เห็นเส้นทางแต่เราก็พยายามไปตามหาสิ่งที่เรียกว่า ดอยแม่สลอง เราใช้เวลาอยู่นานพอสมควรเพื่อพิชิตยอดดอยแม่สลอง และในที่สุดเราก็ถึงยอดดอย บนนั้นเป็นชุมชนเมืองที่ไม่ต่างอะไรกับพื้นราบ มีโรงแรม อินเตอร์เน็ทและตลาดชายชาเป็นสำคัญ …แต่เอ๋ ทำไมเน้นขายชา จึงได้คำตอบว่า บนดอยนี้ นิชมปลูกชา และทำชาอบแห้งออกจำหน่าย ผมจึงได้ออกตามหาไร่ชาในเวลาต่อมา โดยไร่ชาที่ใหญ่ที่สุดของดอยแม่สลองคือไร่ชา 101 ผมใช้เวลาไม่นานเพื่อตามหาไร่ชาดังกล่าวในบรรยากาศที่หมอกลงหนาทึบมาก
 |
|
ดอกชาและใบชารอการเก็บเกี่ยว
|
ไร่ชาแห่งนี้นี้อยุ่ตามแนวลาดเอียงของภูเขา มองไกลสุดลูกหูลูกตา มีแปลงชาที่พึ่งตัดกิ่งมองดูเป็นแนว เป็นแถวสวยงามตลอดแนวเทือกเขา นอกจากไร่ชาของ 101 แล้ว ยังมีไร่ชาของเจ้าอื่นๆ ในหุบเขาลูกใกล้เคียงอีกด้วย
ผมได้ใช้เวลาในไร่ชาพอสมควร ตอนแรกคิดจะนอนบนดอยแม่สลองแห่งนี้ แต่ด้วยกับสภาพอากาศที่หนาวเกินไป จึงตัดสินใจลงไปที่พื้นราบน่าจะปลอดภัยมากกว่า จึงตัดสินใจขับรถกลับเข้าตัวเมืองเชียงราย เพื่อหวังจะหาอาหารเย็นแบบคนเมืองและเดินตลาดไนท์ที่เมืองเชียงราย ก่อนจะออกเดินทางไปตามโปรแกรมในวันถัดไป
วันรุ่งขึ้น ณ ตัวอำเภอเมือง จ.เชียงราย ในช่วงหน้าหนาวทุกๆ ที่จังหวัดเชียงรายจะมีการจัดนิทรรศการพันธุ์ดอกไม้เมืองหนาวหลากหลายชนิด ที่เปล่งบานและสีสันสดใส สวยงาม โดยทั้ง อบจ. เชียงราย ที่จัดที่กลางใจเมือง และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท) ที่จัด ณ ริมแม่น้ำกก แต่ในครั้งนี้ผมได้ไปชมที่ส่วนจัดแสดงของ อบจ. บริเวณเรือนจำเก่า จังหวัดเชียงราย เป็นการจัดนิทรรศการ เชียงรายดอกไม้บานครั้งที่ 13 นั่นเอง
 |
| ดอกไม้หลากสี ณ งานเชียงรายดอกไม้บานครั้งที่ 13 |
ในงานมีการจัดแสดงดอกไม้เมืองหนาวมากมาย สีสันสวยงาม เป็นพันธุ์ไม้ที่มาจากทั้งในและต่างประเทศ โดยที่แปลกตาแปลกใจมากที่สุดเห็นจะเป็นดอกทิวลิปหลากสี ทั้งสีส้ม สีชมพู และสีขาว อักทั้งพันธุ์ไม้อื่นๆ ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน เป็นที่ตื่นตาตื่นใจมาก
 |
|
เชียงรายดอกไม้บานครั้งที่ 13
|
ความงามของดอกไม้เมืองหนาว ทำให้ผมเกิดหลงเสน่ของธรรมชาติ ผมได้ใช้เวลากับการชมดอกไม้อยู่ซักครู่ใหญ่ๆ ถ่ายภาพ และไลฟ์สดเฟสบุ๊คจนพอสมควร จึงได้เดินทางมุ่งหน้าเพื่อชมดอกไม้เมืองหนาวต่อที่ พระตำหนักดอยตุง
 |
| พระตำหนักดอกตุงในสายหมอก |
พระตำหนักดอยตุง เป็นโครงการส่วนพระองค์ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในหลวง ร.9 เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวเขาในพื้นที่ให้มีความเป็นอยุ่ที่ดีขึ้น
 |
| สวนดอกไม้บริเวณพระตำหนักดอกตุง |
พระองค์ได้ทรงมีพระดำริในการสร้างพระตำหนักดอยตุง เพื่อเป็นพระตำหนักที่ประทับ ที่มีการปลูกดอกไม้เมืองหนาว เพื่อทรงสร้างบรรยากาศให้เหมือนกับสวิสเซอร์แลนด์ที่พระองค์เคยประทับอยู่ ณ พระตำหนักดอยตุง มีดอกไม้นานาพันธุ์ มีพระตำหนักที่สวยงามเป็นศิลปะผสมระหว่างไทยกับสวิสซ์ สวยงามดุจดังสรวงสวรรค์ จริงๆ!
เมื่อชื่นชมพระบารมีบนพระตำหนักดอยตุงแล้ว ได้เวลามุ่งหน้าไปบนถนนคดเคี้ยว สลับสูงชันและราบเรียบเพื่ออยู่ในอ้อมกอดแห่งเขาและสายหมอ ณ ภูลังกา จ. พะเยา เพื่อจิบกาแฟอุ่นๆดื่มด่ำบรรยากาศในยามเช้า
 |
| จุดชมวิว ณ ภูลังกา |
ณ ภูลังกา อำเภอปง จังหวัดพะเยา ที่ซึ่งโอบกอดด้วยขุนเขา อากาศที่แสนโรแมนติกและเย็นสบาย ทั้งสายลมเย็นๆ ที่พักดอกยาให้โบกสะบัด ต้นไม้สีเขียวที่ปกคลุมยอดเขา รวมถึงทุ่งนากว้าง เป้นบรรยากาศที่แสนประทับใจ
 |
| ภูลังกา |
ที่ภูลังกาแห่งนี้ ในยามเช้าจะมีหมอกที่ล่องลอยเป็นปุยนุ่น หากโชคดีในบางวัน นักท่องเที่ยวยังจะได้พบกับทะหมอกที่สวยงามไม่แพ้ที่อื่นๆ
 |
| หมอกบางๆ บนยอดภูลังกา |
พักค้างคืนที่ภูลังกา รับอากาศเย็นๆ ฟอกปอดสบายๆ จนได้เวลาที่ต้องเดินทางกลับสู่ชีวิตปกติแล้ว ในการเดินทางกลับได้เลือกเดินทางต่อสู่เมื่องน่าน เพลินเพลินกับทิวทัศน์ริมทาง ทั้งขุนเขา ป่าไม้ สวยหมอก ที่สุดแสนประทับใจ
สักการะพระธาตุแช่แห้ง ณ วัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง เพื่อความเป็นสิริมงคล ที่พระท่านได้ช่วยคุ้มครองให้เดินทางจนตลอดลอดฝั่ง โดยวัดแห่งนี้จะมีเจดีย์แช่แห้งซึ่งเป็นเจดีย์ประจำปีเกิดของคนปีเถาะ หรือ กระต่ายนั่งเอง ดังนั้นหลายๆพื้นที่ในวัดจึงเต็มไปด้วยตุ๊กตากระต่ายที่ผู้คนนำไปกราบไหว้บูชาองค์ประธาตุ
 |
| อุโบสถวัดพระธาตุแช่แห้ง |
สรุปจากการเดินทางในครั้งนี้ยาวนานเกือบ 2000 กิโลเมตร ได้เบเห็นความสวยงามของประเทศไทย ทั้งศิลปะ วัฒนธรรม ผู้คน และธรรมชาติที่สวยงามในหลายๆ พื้นที่ของภาคเหนือ จบทริปนี้กลับมายังนอนฝันว่ายังขับรถอยู่ในหุบเขากันเลยทีเดียว!
 |
| ตุ๊กตากระต่ายริมกำแพงพระธาตุแช่แห้ง |
สนใจเรื่องราวการเดินทางครั้งนี้เพิ่มเติม ติดตามได้จาก:
บันทึกการเกินทาง อีสานสู่เหนือ (เชียงคาน สู่ เชียงราย)
บันทึกการเกินทาง อีสานสู่เหนือ (เชียงคาน สู่ เชียงราย)
สามารถติดตามได้ที่นี่ คลิ๊ก>> ตอนที่ 1, ตอนที่ 2, ตอนที่ 3, ตอนที่ 4 ตอนจบ
>>>>www.pailongdoo.com<<<